สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม
ความรักธรรมชาติคือหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ยั่งยืนของ Christian Dior ผู้ก่อตั้งของเรา เขาหลงใหลในความงามของสวนและดอกไม้ และความหลากหลายอันน่าหลงใหล ธรรมชาติเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจนในชื่อของคอลเล็กชันต่างๆ และลวดลายบนเดรสโอตกูตูร์ ธรรมชาติจึงเปรียบเหมือนแรงบันดาลใจสูงสุด
ธรรมชาติคือสิ่งที่หล่อหลอมผลงานสร้างสรรค์ของเรา และยังเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการรังสรรค์ผลงาน หากไม่มีธรรมชาติ ผลงานคุณภาพเยี่ยมหรืออารมณ์ความรู้สึกแท้จริงก็จะไม่เกิดขึ้น ธรรมชาติคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงทั้งจินตนาการและทักษะของเรา จึงเป็นเหตุผลที่เรามีหน้าที่ต้องปกป้องธรรมชาติ และคิดค้นแนวทางสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

Dior จึงดำเนินงานแบบห้องทดลองการสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา เปิดรับโลกและความท้าทาย ตลอดจนมีส่วนร่วมกับทีมต่างๆ ในการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ของความหรูหราที่มีความยั่งยืนและมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น



แนวทางของเรา
ในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันและที่มีทรัพยากรจำกัด Dior มีความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และสืบสานความงดงามนี้ ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นเลิศและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เราได้จัดสรรทรัพยากรและการทำงานอย่างเป็นระบบผ่านกลยุทธ์ Dream in Green ของเรา เป้าหมายของเราสอดคล้องกับโครงการ LIFE360 ที่ LVMH ก่อตั้งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ทั้ง 75 แบรนด์ของกลุ่มบริษัท (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมของเราได้ที่ lลิงก์ นี้)
กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม วัดผลได้ และอิงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด การนำหลักการเหล่านี้ไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันช่วยให้แบรนด์เสริมสร้างแนวทางความร่วมมือทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสิ่งแวดล้อมของแต่ละภูมิภาคและประเทศ ซึ่งครอบคลุมถึงทุกสาขาอาชีพและทุกคนที่มีบทบาทใน Dior ทั่วโลก
คณะกรรมการ Dream in Green รวมทุกแผนกภายในแบรนด์เข้าด้วยกัน พร้อมระดมความร่วมมือที่ระดับการตัดสินใจสูงสุดของแต่ละฝ่าย มีการติดตามผลเป็นประจำในแต่ละหน่วยงาน อีกทั้งยังมีการทบทวนแผนงาน Dream in Green รายไตรมาสร่วมกับสมาชิกหลักของคณะกรรมการบริหารเพื่อวัดผลและขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางด้านสิ่งแวดล้อม

4 เสาหลักความมุ่งมั่นของเรา
1. ความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ที่ Dior คุณภาพของผลงานสร้างสรรค์ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบชั้นเลิศ เราจึงพึ่งพาวัตถุดิบหลักอย่างใกล้ชิด เช่น:
- หนัง
- ฝ้าย
- ขนสัตว์
- วิสโคส
- ไหม
ขั้นตอนแรกของความมุ่งมั่นของเราคือการใช้มาตรฐานที่เข้มงวดกับการตรวจสอบย้อนกลับและการจัดหาที่ยั่งยืน การรับรองมีบทบาทสำคัญในการประเมินแนวทางปฏิบัติของพันธมิตรและซัพพลายเออร์ เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับมาตรฐานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
ในปี 2024 หนัง 97% มาจากโรงฟอก LWG (Leather Working Group) ที่ได้รับการรับรอง ฝ้าย 76% มาจากห่วงโซ่อุปทานแบบออร์แกนิกหรือรีไซเคิล ขนสัตว์ 71% ได้รับการรับรองแบบออร์แกนิกหรือผ่านมาตรฐาน Responsible Wool Standard (RWS) วิสโคส 79% มาจาก FSC (Forest Stewardship Council) ไม้ที่ได้รับการรับรองและไหม 59% มาจากห่วงโซ่อุปทานแบบออร์แกนิก เป้าหมายของเราภายในปี 2026 คือวัตถุดิบหลักทั้งหมดต้องผ่านการรับรอง 100% (จาก 81% ในปี 2024) เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนและความรับผิดชอบในห่วงโซ่อุปทานของเรา
ขั้นตอนที่สองของเสาหลักนี้คือการพัฒนาโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟูในทุกห่วงโซ่อุปทานหลักของเรา
Dior ได้สร้างแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อระบุ ร่วมสร้าง และพัฒนาโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟูร่วมกับผู้มีส่วนร่วมในท้องถิ่นที่มีความมุ่งมั่น แนวทางนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูดิน ระบบนิเวศ และเสถียรภาพทางสังคมของชุมชนเกษตรกร อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการอนุรักษ์น้ำ Dior ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อวัดปริมาณการใช้น้ำ ลดการใช้น้ำ และบริหารจัดการน้ำเสีย
โครงการเกษตรกรรมฟื้นฟูบางโครงการได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะโครงการฝ้ายในสเปนและตุรกีที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอย่างคอลเล็กชันถาวร Dior Denim ซึ่งเปิดตัวในปี 2023 คอลเล็กชันนี้ผลิตจากฝ้ายจากการฟื้นฟูทั้งหมด และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังอาศัยความร่วมมือและการฝึกอบรมทีมสร้างสรรค์และฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ปรับใช้แนวทางเกษตรกรรมฟื้นฟูด้วย



2. การลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ
Dior มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า แบรนด์มีนโยบายสอดคล้องกับเส้นทางการลดคาร์บอนที่กำหนดโดย LVMH Group ซึ่งได้รับการรับรองจาก Science Based Targets initiative (SBTi) โดยมีแผนการลดคาร์บอนอย่างแม่นยำ ครอบคลุมกิจกรรมหลักทั้งหมดของ Dior ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การจัดหาวัตถุดิบ ไปจนถึงการผลิตและการกระจายสินค้า
ในปี 2024 พลังงานที่ใช้ในสถานประกอบการของเราร้อยละ 82 มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน การก่อสร้างอเทลิเยร์ คลังสินค้า และบูติกใหม่ทั้งหมดในขณะนี้ดำเนินตามมาตรฐานการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เช่น LEED (Leadership in Energy and Environmental Design หรือระบบการประเมินอาคารเขียวชั้นนำ) นอกจากนี้เรายังได้ดำเนินโปรแกรมประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดยเฉพาะในบูติกของเรา ซึ่งรวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือวัดเพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน
ในขณะเดียวกัน ได้มีการดำเนินตามแผนเพื่อการลดรอยเท้าคาร์บอนในระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของเรา รวมถึงการค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าถาวรจากทางอากาศเป็นทางเรือ การมอบโซลูชันการขนส่งสุดท้ายที่ส่งผลกระทบต่ำ (ยานพาหนะไฟฟ้า) ตลอดจนการปรับปรุงความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

3. การหมุนเวียนเชิงสร้างสรรค์
ที่ Dior งานสร้างสรรค์ทุกชิ้นได้รับออกแบบให้คงอยู่ยาวนาน ถ่ายทอดผ่านทักษะ ชั้นเลิศและความใส่ใจในคุณภาพ เพื่อให้ผลงานเหล่านี้ผ่านบททดสอบแห่งการเวลา แนวคิดนี้ได้รวมเข้ากับแนวทางการหมุนเวียนเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หมวดหมู่หลักของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เครื่องหนัง เสื้อผ้าสำเร็จรูป บรรจุภัณฑ์ หรือแม้แต่การตกแต่งหน้าร้าน
เรามีบทบาทในช่วงวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทุกช่วง ตั้งแต่การออกแบบเชิงนิเวศของบรรจุภัณฑ์ซึ่งประกอบด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ในการสร้างสรรค์ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการรีไซเคิลสิ่งทอคุณภาพสูง
หนึ่งในโครงการหลักที่ Dior ดำเนินการคือการร่วมมือกับ Weturn ผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลสิ่งทอ เพื่อแปรสภาพวัสดุที่ไม่ได้ใช้ให้กลายเป็นเส้นด้ายคุณภาพสูงใหม่ ผ้ายีนส์ที่ได้จากโครงการนี้ได้นำไปใช้ในคอลเล็กชัน Dior Archives Labels นอกจากนี้ แนวคิดหมุนเวียนนี้ยังขยายไปสู่การตกแต่งหน้าร้านอีกด้วย ในปี 2023 ทีมตกแต่งหน้าร้านได้สร้างสรรค์โลกแห่งจินตนาการโดยใช้วัสดุในคลังที่ไม่ได้ใช้เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งปีของร้าน 30 Montaigne โฉมใหม่ และการจัดแสดงดังกล่าวได้ถูกนำกลับมาใช้ซ้ำในบูติกอีกหลายแห่ง แนวทางการนำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิลนี้ยังครอบคลุมไปถึงการออกแบบเวทีแฟชั่นโชว์ด้วย ซึ่งทำสำเร็จได้ด้วยการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและทีมงานเฉพาะ เป้าหมายของเราภายในปี 2026 คือเวทีแฟชั่นโชว์ 100% จะต้องนำกลับมาใช้ใหม่ บริจาค หรือรีไซเคิล
ท้ายที่สุด Dior มุ่งมั่นที่จะยืดอายุการใช้งานของผลงานสร้างสรรค์ผ่านเวิร์กช็อปซ่อมแซมที่ตั้งอยู่ในหลายๆ ภูมิภาคทั่วโลก บริการ Dior Care ที่ก่อตั้งมากว่า 25 ปีสะท้อนพันธสัญญานี้ที่ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจของผลิตภัณฑ์



4. ความมุ่งมั่นของพนักงานและคู่ค้า
ที่ Dior การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายร่วมกันในทุกระดับขององค์กร ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ไปจนถึงช่างฝีมือและทีมงานภายในต่างๆ ทุกฝ่ายในห่วงโซ่คุณค่าต่างมีบทบาทสำคัญ เรามอบโอกาสให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และสามารถริเริ่มโครงการของตนเองได้ภายในกรอบความร่วมมือที่สะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและความเป็นเลิศอย่างลึกซึ้ง
เป้าหมายของเรานั้นชัดเจน: ภายในปี 2026 พนักงานทุกคนของเราจะต้องผ่านการฝึกอบรมทางด้านสิ่งแวดล้อม
เรามีโมดูลการเรียนรู้ออนไลน์ที่เปิดให้พนักงานทุกคนเข้าถึงได้ และเรากำลังพัฒนาโครงการเฉพาะหลายโครงการ ได้แก่ การอบรมเกี่ยวกับวัสดุที่ยั่งยืนสำหรับทีมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์เชิงปฏิบัติที่เกี่ยวกับเกษตรกรรมฟื้นฟู การอบรมการออกแบบเชิงนิเวศสำหรับทีมจัดงานอีเวนต์ และการเริ่มโครงการ Climate Fresk สำหรับพนักงานที่สำนักงานใหญ่
โครงการที่เป็นรูปธรรมอื่นๆ ช่วยเสริมแรงผลักดันนี้ เช่น Earth Days ที่ให้ทีมงาน Dior เข้าหากัน รวมถึงในบูติกต่างๆ และการแข่งขันภายในองค์กรอย่าง Dream for Climate ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอแนวคิดใหม่ๆ ในการลดรอยเท้าคาร์บอน
สุดท้ายนี้ การมีส่วนร่วมนี้ยังขยายไปถึงคู่ค้าของเราด้วย เราสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับซัพพลายเออร์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมของพวกเขา เพื่อให้มั่นใจว่าระบบนิเวศทั้งหมดของเราจะก้าวไปในทิศทางที่มีความรับผิดชอบ สร้างสรรค์ และมีความทะเยอทะยาน

